พื้นผิว 2 ใน 3 ส่วนของโลกจะถูกปกคลุมไปด้วยน้ แต่น้ำจืดที่เราสามารถนำมาใช้ในการดำรง ของเรานั้นมีไม่ถึง 1% สมมุติว่าน้ำในโลกทั้งหมดนี้เท่ากับ 100 ก็จะมีงานทะเล 97 ลิตรน้ำแข็งเกือบ 3 ลิตรและน้ำจืดที่เราสามารถใช้ได้นั้นมีแค่เพียง 3 มิลลิลิตร เหตุนี้น้ำจึงเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากและขาดแคลนง่าย การถ่ายทำjavmostในทวีปแอฟริกา จะมีการควบคุมปริมาณมาที่ใช้อย่างเคร่งครัด แน่นอนว่าภายในกองถ่ายjavmost นักแสดงแต่ละคนจะมีน้ำที่ใช้ได้ในปริมาณจำกัด บางครั้งการถ่ายทำjavmostในทวีปแอฟริกา ดาราบางคนถึงเลือกที่จะไม่อาบน้ำแล้วเก็บน้ำนั้นไว้บริโภค เธอเป็นความยากลำบากทุกครั้งที่ทีมงานเลือกสถานที่javmostเป็นทวีปแอฟริกา
น้ำผิวดิน
เป็นแหล่งน้ำที่เรารู้จักและนำมาใช้ประโยชน์กันมากที่สุดคือน้ำผิวดิน เล่นน้ำผิวดินนั้นมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม แหล่งน้ำที่เป็นน้ำจืดนั้นได้แก่ ทะเลสาบน้ำจืด ลำธาร แม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง เนื่องจากสภาพบนพื้นผิวโลกนั้นไม่ได้เรียบเสมอกันพื้นผิวของโลกแต่ละแห่งก็มีความแข็งแรงและทนทานไม่เท่ากัน และแรงโน้มถ่วงนั้นทำให้น้ำไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ
น้ำที่เกิดการกัดเซาะอย่างต่อเนื่องนั้นก็จะทำให้ร่องน้ำเปลี่ยนขนาด รูปร่างและทิศทางของการไหลเมื่อฝนตกหยุดน้ำจะมารวมตัวกันและทำให้เกิดร่องน้ำร่องเล็กๆ ไหลมารวมกันเป็นลำธารเมื่อกระแสน้ำในลำธารไหลอย่างต่อเนื่องก็จะกัดเซาะพื้นผิวและพัดพาตะกอนน้อยใหญ่ขนาดต่างๆ ไปกับกระแสน้ำลำธารจึงทำให้มีขนาดใหญ่และยาวจนกลายเป็นแม่น้ำนอกจากนั้นความเร็วของกระแสน้ำยังขึ้นอยู่กับ หน้าตัดเช่น เมื่อกระแสน้ำได้ไหลผ่านช่องเขาแคบๆก็จะเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและเมื่อกระแสน้ำพบที่ราบกว้างใหญ่เช่นบึงหรือทะเลสาบกระแสน้ำจะหยุดนิ่งทำให้ตะกอนที่น้ำพัดมาก็จะตกทับถมใต้ท้องน้ำเราก็จะพบได้ว่าอ่างเก็บน้ำที่เหนือเขื่อนที่มีอายุมากมักจะมีความตื้นและเก็บกักน้ำได้น้อยลง อย่างไรก็ตามปริมาณของน้ำผิวดินจะขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ ปริมาณน้ำฝน ทรัพยากรน้ำและการใช้ประโยชน์พื้นดิน
น้ำใต้ดิน
ถ้าหากไม่นับธารน้ำแข็งที่ขั้วโลกแล้วน้ำบาดาลเป็นแหล่งน้ำจืดที่มีปริมาณมากที่สุดในโลก น้ำบาดาลจะเกิดขึ้นจากการไหลซึมบนผิวดิน ในเนื้อดินนั้นจะมีรูเล็กๆ เป็นรูสำหรับอากาศให้น้ำ เช่น ดินเหนียวมีรูพรุนขนาดเล็กน้ำก็จะไหลผ่านได้ยากดินทรายจะมีรูพรุนขนาดใหญ่น้ำก็จะไหลผ่านได้ง่ายขึ้นเมื่อผิวดินเกิดความชื้นหรือเมื่อมีฝนตกดินก็จะกักเก็บน้ำไว้ในรูพรุนไว้จนกระทั่งดินอิ่มตัว น้ำก็จะไม่สามารถกักเก็บน้ำได้มากกว่านี้อีกแล้ว น้ำอีกส่วนหนึ่งจะไหลบ่าไปตามพื้นผิว น้ำอีกส่วนนึงก็จะไหลซึมลงสู่ชั้นดินด้านล่าง ไต้ชั้นพื้นดินลงไปจะเป็นชั้นหินตะกอนเนื้อหยาบที่สามารถกักเก็บน้ำบาดาลไว้ได้เรียกว่าชั้นหินอุ้มน้ำ เนื่องจากช่องว่างขนาดใหญ่มากจึงทำให้สามารถกักเก็บน้ำได้ปริมาณมากจนกลายเป็นแหล่งน้ำบาดาล